มองหาวิธีการจัดการกับปัญหาสุขภาพปาก และฟัน
มองหาวิธีการจัดการกับปัญหาสุขภาพปาก และฟัน 5 ปัญหาที่หลายๆ คนต้องเผชิญวันนี้เราพบแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว ตัดปัญหารำคาญใจลองอ่านข้อความท้ายนี้และลองทำดูนะ
ยอมรับเลยจริง ๆ ว่าแค่อาการปวดฟันก็ทำให้เราว้าวุ่นจนแทบไม่ยอมกินไม่ยอมนอน ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าไม่ได้อยากอดกินอดนอนหรอกนะคะ แต่สุขภาพเหงือกและฟันที่เป็นปัญหามันพาให้ใช้ชีวิตลำบากไปหมด แต่นับจากวินาทีนี้ไปทุกปัญหาสุขภาพเหงือกและฟันจะบรรเทาลง หากคุณได้อ่านข้อมูลจากหนังสืออาหาร & สุขภาพ ตามนี้
คุณอาจดูแลแค่สิวบนใบหน้าและเส้นผม แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การแปรงฟันเป็นประจำจะช่วยเติมรอยยิ้มของคุณให้สดใส รวมทั้งสุขภาพของคุณก็ด้วย
คุณอาจจะคิดว่าหากเราไม่ใช้ไหมขัดฟันอยู่เป็นประจำก็ไม่น่าจะเป็นไร หรือไม่ไปตรวจฟันปีละสองครั้งก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร แต่ทราบเอาไว้ว่า ฟันของคุณไม่เพียงแต่จะทำให้คุณดูอ่อนเยาว์ แต่ผู้เชี่ยวชาญยังเชื่ออีกว่ามันยังทำให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นอีกด้วย รองศาสตราจารย์ ฮ็อปควาฟท์ จากมหาวิทยาลัยแห่งเมลเบิร์น กล่าวว่า
“มีหลักฐานที่ระบุเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ว่า สุขอนามัยในช่องปากที่ไม่ดีนำไปสู่โรคหัวใจ, เบาหวาน และอัมพฤกษ์ได้” แต่ข่าวดีก็คือ มันเป็นไปได้ที่จะทำให้ฟันของคุณแข็งแรง อยู่ยืนยาวขึ้น โดยขอให้อ่านคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญดังต่อไปนี้
1. ปัญหา: ฟันมีสี
จุดดำบนฟันก็เหมือนกับจุดดำบนใบหน้า คือ ทำให้ดูแก่กว่าวัยได้ ที่จริงแล้วการศึกษาใหญ่ครั้งหนึ่งโดยบริษัท Oral-B พบว่า สีเหลืองบนฟันอาจทำให้สตรีดูแก่กว่าวัยขึ้นไปอีกถึง 13 ปี “เมื่อคุณแก่ตัวลง ฟันจะมีสีคล้ำตามธรรมชาติเพราะประสาทหดตัวและฟันมีความขุ่นมัวและไม่ให้แสงส่องผ่านฟันออกมาได้ง่าย ๆ” ดร.คิม คาร์ ทันตแพทย์จากชิดนีย์กล่าว “เคลือบฟันจะบางลงและทำให้สีเข้าไปฝังตัวได้ง่ายขึ้น”
ทางแก้ : เลิกอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม
เพื่อให้ฟันขาวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้จำกัดการบริโภคสิ่งที่จะไปเคลือบสีอย่างเช่น กาแฟและไวน์แดง และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยขัดฟันขาว “ยาขัดฟันขาวเป็นเจลไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เจลจะแทรกตัวเข้าไปในฟันและเอาสีที่อยู่ภายในออก ซึ่งก็เหมือนกับการล้างสีออกจากเสื้อผ้า” คาร์กล่าว
แล้วการฟอกสีฟันจะดีหรือไม่?
“ทันตแพทย์จะจัดชุดสำหรับแต่ละคนโดยมีเครื่องป้องกันที่ใส่ในปากและยาฟอกขาวที่ต้องให้ทันตแพทย์เป็นคนสั่งเท่านั้น ซึ่งเป็นยาที่มีความแรงกว่าที่ขายกันทั่วไปข้างนอก” คาร์อธิบาย ให้สวมที่ป้องกันในปากวันละราว 30 นาที อาจทำนานสักสามสัปดาห์เพื่อทำให้ฟันขาวขึ้นได้ 8 ระดับ
โบนัสที่ได้ : วิธีนี้ปลอดภัย คาร์ กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ณ เมืองลอสแองเจลิสได้ทำการทดสอบเป็นอย่างมากก่อนที่จะออกจำหน่ายในตลาดเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างถาวรกับเคลือบฟัน ผมเองก็ฟอกฟันให้ลูกค้ามาแล้ว 15 ปี และยังไม่พบปัญหาอะไร”
2. ปัญหา : มีฟันผุนิดหน่อย
ความเป็นจริง : ประชากรราว 24% ที่มีอายุระหว่าง 45 ถึง 64 ปี มีปัญหากับฟันผุที่ไม่ได้รับการรักษา และสิ่งที่เป็นผู้ร้ายมากที่สุดก็คือน้ำตาล “การบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงอยู่บ่อย ๆ จะเป็นการให้อาหารแก่แบคทีเรียในการสร้างกรดแล้วก็ไปละลายแร่ธาตุในฟันออกมาทำให้ฟันผุ” ฮอปคราฟท์ อธิบาย
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ แบคทีเรียในธรรมชาติใช้น้ำตาลที่อยู่ในปากเราสร้างสารเหนียว ๆ ที่เรียกว่าพลัค (plaque) ขึ้นมา “หากไม่ได้เอาคราบพลัคออกไปทุกวัน กรดแลคติคจะกัดกร่อนแคลเชียมจากเคลือบฟันไป ทำให้ฟันผ” คาร์กล่าวเสริม
ทางแก้ : ลดอาหารหวานลง
เอ็มม่า ชูเธอร์แลนด์ โภชนากรกล่าวว่า “ไม่เพียงแต่ต้องระวังเครื่องดื่มน้ำอัดลมกับลูกอมเท่านั้น แต่ต้องระวังเรื่องน้ำตาลที่ซ่อนเร้นอยู่ในผลไม้แห้งด้วย” ให้รับประทานอาหารที่ช่วยสุขภาพของกระดูก เช่น เมล็ดงา, แซลมอนกระป๋อง และบรอกโคลี
ชุทเธอแลนด์ยังแนะนำให้บ้วนปากด้วยออริกาโน โดยใช้ออริกาโน 1 ช้อนชา แช่ในน้ำร้อนเป็นเวลา 3 นาที แล้วทิ้งไว้ให้เย็น เพราะในนั้นมีสารประกอบที่พิสูจน์แล้วว่ามีคุณสมบัติต่อต้านแบคทีเรีย จากการศึกษาของสถาบัน Athlone Institute of Technology ในไอร์แลนด์ ระบุว่า น้ำมันมะพร้าวชนิด enzyme-modified ก็มีสารปฏิชีวนะธรรมชาติซึ่งคอยต่อสู้กับแบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุเช่นกัน
3. ปัญหา : เสียวฟัน
อาการเสียวฟันที่จี๊ดขึ้นมาเวลารับประทานอาหารที่ร้อนหรือเย็นเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ราว 1 ใน 3 ที่มาของมันเกิดจากการแปรงฟันมากเกินไป คาร์ กล่าวว่า “การแปรงฟันที่แรงเกินไปและการแปรงฟันผิดวิธี (แปรงไป ๆ มา ๆ แทนที่จะแปรงเป็นวงกลม) อาจทำให้เหงือกบาดเจ็บและทำให้เหงือกร่น” อีกทั้งเคลือบฟันที่สูญเสียไปจากกรดซิตริคที่พบในผลไม้และน้ำแร่ก็ทำให้เสียวฟันและฟันสึกได้ ซึ่งนี่เกิดขึ้นกับชาวออสเตรเลีย 57%
ทางแก้ : เลือกผลิตภัณฑ์แก้เสียวฟัน
แรกสุดเปลี่ยนไปใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่มเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น ใช้ยาสีฟันที่ทำออกมาสำหรับอาการเสียวฟัน บางยี่ห้ออย่างเช่น GC Tooth Mousse มีแคลเซียมที่ร่างกายดูดซึมได้ดีซึ่งจะช่วยหยุดการรุกรานของกรดและซ่อมเคลือบฟันในระยะต้น ๆ ที่เกิดฟันผุ หรือปรึกษากับทันตแพทย์ เพื่อให้แนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
4. ปัญหา : เหงือกร่น
โรคปริทันต์นับเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบมากที่สุด แต่หลายคนไม่ทราบว่ามันเกิดจากเหงือกที่ร่นลงมา “พอเวลาผ่านไปนาน ๆ สารพิษจากแบคทีเรียในเหงือกก็กินกระดูกออกไปจากตัวฟัน ทำให้เหงือกรอบ ๆ ฟันร่น” คาร์ กล่าว “หากไม่รักษาสัก 10 ถึง 15 ปี ฟันก็อาจหลุดได้” นอกจากนี้การกัดฟันเรื้อรังก็ทำให้เกิดความเสี่ยง เพราะการขบกันนาน ๆ ทำให้เกิดการดูดซึมใหม่ของกระดูกรอบ ๆ รากฟัน
ทางแก้ : วางแผนป้องกัน
ควรป้องกันการนอนกัดฟันโดยสอดเครื่องป้องกันในตอนกลางคืนเพื่อป้องกันฟันและเหงือก สำหรับผู้ที่เหงือกร่นไปแล้วยังเป็นไปได้ที่จะทำให้เหงือกกลับมาเป็นปกติได้อีก !
โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเหงือกจะใช้การรักษาแบบใหม่ที่ชื่อว่า Allo Derm ซึ่งเป็นการปลูกเหงือกขึ้นมาใหม่ “โดยการใช้เนื้อเยื่อผิวที่ได้รับการบริจาคและปลูกถ่ายเข้าไป” คาร์อธิบาย ผลที่ได้ก็คือ เหงือกที่แข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ ทว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่แพงและยังมีข้อโต้แย้งอยู่เนื่องจากเหงือกที่ปลูกนี้ได้มาจากเซลล์ของมนุษย์ คาร์กล่าวว่า “Allo Derm ถูกนำมาใช้ในสหรัฐฯ มาเป็นเวลาสิบปีและในออสเตรเลียสามปี มันได้ผลดี”
5. ปัญหา : เลือดออกตามไรฟัน
เป็นสิ่งที่น่ารำคาญ มีแบคทีเรียมากกว่า 500 ชนิดในปากของคุณ บางชนิดก็มีประโยชน์แต่บางชนิดก็ทำให้เกิดคราบพลัคระหว่างฟันและเหงือก กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ฮอปคราฟท์กล่าวว่า “การอักเสบทำให้เหงือกแดงบวมและเลือดออกได้ง่ายเวลาแปรงฟัน” หากเลือดมักจะออกที่เหงือกตอนแปรงฟันก็อาจเกิดจากสาเหตุที่รุนแรงกว่านั้นได้
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทาง American Academy of Periodontology ยืนยันว่า การดูแลสุขภาพเหงือกช่วยลดการอักเสบที่เป็นอันตรายในร่างกายลงได้ ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่า การดูแลสุขภาพเหงือกช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้การศึกษาครั้งหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Diabetologia แสดงให้เห็นว่า การอักเสบของเหงือกที่ให้ผลในทางลบต่อการควบคุมดัชนีไกลซีมิก ทำให้ความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานสูงขึ้น
ทางแก้ : ทำความสะอาดเป็นประจำ
ฮอปคราฟท์แนะนำให้แปรงฟันวันละสองครั้งโดยใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์และปรับปรุงโภชนาการเพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคปริทันต์ลง จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียระบุว่า อีกเหตุผลหนึ่งที่ควรจะคอยดูแลฟันกรามของคุณก็คือ คุณจะลดความเสี่ยงต่อโรคความจำเสื่อมลงเมื่อย่างเข้าวัยชรา
สุขภาพเหงือกและฟันแทบจะเป็นทั้งหมดของชีวิตเราเลยก็ว่าได้ เพราะอย่างที่บอกนะคะ หากฟันมีปัญหาสักอย่าง การใช้ชีวิตประจำวันก็ลำบากไปหมดจริง ๆ ฉะนั้นหากรักตัวเองก็ควรดูแลสุขภาพฟันให้ดีที่สุดด้วย
0 ความคิดเห็น: